ประวัติวัดต้นแก้ว วัดต้นแก้วตั้งอยู่ที่บ้านเวียงยอง หมู่ที่ ๓ ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ทั้งหมด ๔ ไร่ ๑ งาน ๔๐ ตาราวา อาณาเขตทิศเหนือประมาณ ๙๓ วา จดที่ดินเอกชน ทิศใต้ประมาณ ๗๔ วา จดถนนสายท่าสิงฆ์-พระยืน ทิศตะวันออกประมาณ ๒๘ วา จดสระน้ำ ทิศตะวันตกประมาณ ๓๐ วา จดถนนสาธารณะ อาคารเสนาสนะประกอบด้วย อุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์ ปูชนียวัตถุมี พระพุทธรูป และเจดีย์ วัดต้นแก้วสร้างขึ้นเมื่อ พุทธศักราช ๑๘๒๕ ตามประวัติวัดแจ้งว่า สร้างประมาณพุทธศักราช ๒๓๔๙ โดยสันนิษฐานว่าย้ายมาจากวัดดอนแก้ว ซึ่งเป็นวัดที่สร้างสมัยพระนางเจ้าจามเทวี เริ่มสร้างเมืองลำพูน ที่ย้ายมาเนื่องจากวัดดอนแก้วเป็นวัดใหญ่ขาดการดูแลรักษาจึงผุพังไปตามกาล เวลา พระอธิการกัณฑ์ จึงได้ย้ายมาสร้างวัดต้นแก้วขึ้นใหม่ โดยมีแม่เฟย พร้อมดัวยผู้มีจิตศรัทธาช่วยกันก่อสร้างวัด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๐ การบริหารและการปกครองอยู่ในอำนาจของเจ้าอาวาส มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนามมามีทั้งหมด ๑๐ รูป คือ รูปที่ ๑ พระอธิการกัณฑ์ รูปที่ ๒ พระอธิการอินจัย รูปที่ ๓ พระอธิการอิ่นคำ รูปที่ ๔ พระอธิการทองสุข รูปที่ ๕ พระมหาสม ใหญ่พงษ์ รูปที่ ๖ พระอธิการคำ เขื่อนเรือง รูปที่ ๗ พระอธิการทองดี สิงคลิง รูปที่ ๘ พระอธิการบุญชุม บวรธมโม รูปที่ ๙ พระอธิการผจญ อคฺคธมโม รูปที่ ๑๐ พระครูไพศาลธีลคุณ จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังได้สร้างที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน สร้างศูนย์การเรียนชุมชน ( กศน. ) สร้างกลุ่มทอผ้าผู้สูงอายุ สร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านและศูนย์บูราณาการวัฒนธรรมสายใยชุมชนในวัด เนื่องจากว้าวัดต้นแก้วหรือวัดดอนแก้วในอดีต ตั้งอยู่ในตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นวัดที่เก่าแก่เกี่ยวกับพระนางเจ้าจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งนครลำพูน ความเป็นมาของวัดในอดีตประมาณ ๑,๓๐๐ ปี มาแล้ว ท่านฤาษีวาสุเทพและท่านฤาษีสุกกทันตะ ได้พร้อมกันสร้างนครหริภุณชัยขึ้นและได้เทิดทูลเชิญเสด็จพระนางเจ้าจามเทวี ราชธิดาของพระเจ้ากรุงละโว้ขึ้นมาเป็นปฐมกษัตริย์ปกครองเมืองลำพูน พระนางเจ้าจามเทวีได้สร้างวัดขึ้นอยู่สี่มุมเมือง คือวัด ๑.ดอนแก้วหรือวัดต้นแก้วในปัจจุบัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ๒.วัดอาพัทธาราม หรือวัดพระคงฤาษีในปัจจุบัน อยู่ทางทิศเหนือ ๓.วัดมหาลัดดาราม หรือวัดสังฆารามประตูลี้ ในปัจจุบัน อยู่ทางทิศใต้ ๔.วัดมหาวนาราม หรือวัดมหาวัน ในปัจจุบัน อยู่ทางทิศตะวันตก พร้อมได้บรรจุพระเครื่องสกุลลำพูนไว้มากมาย เช่น รรอด พระบาง พระลือ พระเลี่ยง พระสิบสอง พระลบ เป็นต้น นำไปฝังไว้ตามวัดต่างๆทั้ง ๔ ทิศ วัดต้นแก้วได้ดำเดินการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นภายในวัด จำนวน ๒ แห่ง คือ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเวียงยอง และพิพิธภัณฑ์ตำบลเวียงยอง ซึ่งมีประวัติความเป็นมาโดยย่อดังนี้ ๑. พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเวียงยอง
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเวียงยองตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ ในอาณาบริเวณวัดต้นแก้ว โดยดำริของพระครูไพศาลธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดต้นแก้ว รองเจ้าคณะตำบลเวียงยองโดยได้ใช้กุฏิสงฆ์หลังเดิม ซึ่งมีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างแบบเก่า )ปรับปรุงภายในอาคารแล้วเก็บรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุต่างๆ ที่มีอยู่ภายในวัด จัดให้เป็นหมวดหมู่ตั้งแสดงไว้ให้บรรดาพระภิกษุสามเณร ข้าราชการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษาและผู้ที่สนใจเข้าชมทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ทำพิธีเปิดโดย พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์(ไพบูลย์) เจ้าคณะจังหวัดลำพูนและนายเถกิงศักดิ์ พัฒโน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเวียงยองแห่งนี้ ได้รับความสนใจจากบุคคลโดยทั่วไป ขอเข้าชมเป็นประจำ โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรและกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ที่สนใจใฝ่รู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาณาจักรล้านนา
ซึ่งจากการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์และได้รวบรวมของที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้ เองจึงทำให้เจ้าอาวาสวัดต้นแก้วได้รับเสมาธรรมจักรจากสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯสยามบรมราชกุมารี
๒.พิพิธภัณฑ์ตำบลเวียงยอง
พิพิธภัณฑ์ตำบลเวียงยอง ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗ ในอาณาบริเวณวัดต้นแก้วโดยดำริของพระครูไพศาลธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดต้นแก้ว รองเจ้าคณะตำบลเวียงยอง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนและองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงยอง โดยการสนับสนุนของนายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนและนายมนู ศรีประสาท นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงยอง ได้จัดตั้งโครงการ “ ถนนสายวัฒนธรรม”ถนนสายนี้มีจุดเริ่มต้น ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ข้ามสะพานท่าสิงห์พิทักษ์ ( ขัวมุง ) ผ่านหน้าวัดต้นแก้ว โรงเรียนบ้านเวียงยอง ธรรมสถานดอนแก้วไปสิ้นสุดที่วัดพระยืน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของคนในชุมชนให้เข้ากันได้ โดยมุ่งประเด็นไปที่การอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนา และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหลัก ตั้งสมมติฐานว่าถ้ามีนักท่องเที่ยวมานมัสการพระบรมธาตุเจ้าหริภุญชัย ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร แล้วก็สามารถเดินข้ามขัวมุง ( สะพานที่มีหลังคามุงครอบ ) ชมพิพิธภัณฑ์ตำบลเวียงยอง ณ วัดต้นแก้ว ศึกษาวิถีชีวิตของชาวไทยอง ณ บ้านเวียงยอง ไปสิ้นสุดกิจกรรมการไหว้พระ ณ วัดพระยืน โครงการนี้ เป็นโครงการใหญ่ อันเป็นแผนพัฒนาเมืองลำพูนให้เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองตามลำดับ
ดังนั้นคณะกรรมการทุกฝ่ายจึงพิจารณาเห็นว่าพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเวียงยองของ วัดต้นแก้ว มีโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้มีการจัดหมวดหมู่ที่ถูกต้องตามระบบของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น อีกทั้งภายในวัดต้นแก้วก็ยังมีเจดีย์เก่าองค์หนึ่ง อันเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ดั้งเดิม สมควรที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่สามารถเสริมสร้างความรู้ให้กับผู้ที่มาชมได้ จึงได้จัดสรรงบประมาณจำนวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ทำการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ตำบลเวียงยองขึ้น ๑ หลังสถาปัตยกรรมทรงไทยประยุกต์ แบ่งหมวดหมู่ของโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุต่างๆไว้ดังนี้ คือ
๑. หมวดพระพุทธรูป และพระพิมพ์โบราณ
๒. หมวดคัมภีร์ใบลาน และพับกระดาษ ( สมุดไทย ) โบราณ
๓. หมวดเครื่องมือเครื่องใช้ของผู้คนในชุมชน
๔. หมวดเครื่องนุ่งห่ม ( ชาวไทยองมีฝีมือโดดเด่นเรื่องการทอผ้ามาก)
๕. หมวดเบ็ดเตล็ด ( แสดงประวัติความเป็นมาของชาวไทยอง )
ทำพิธีเปิดโดย นายประเสริฐ ภู่พิสิฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ( สมัยต่อมา ) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้บรรดาพระภิกษุสามเณร ข้าราชการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจเข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ได้รับความสนใจจากบุคคลทั่วไป ขอเข้าชมเป็นประจำ โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณร และกลุ่มนักศึกษาที่สนใจใฝ่รู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาณาจักรล้านนา และศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนคนไทยองที่มาตั้งถิ่นฐานในเมืองลำพูนนี้ และพิพิธภัณฑ์วัดต้นแก้วทั้งสองหลังก็ได้เปิดทำการมาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยเปิดตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๖.๐๐น. เปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชมทุกวันยกเว้นวันจันทร์
ที่มา:https://www.gotoknow.org/posts/423126




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น